รอบรู้การลงทุน

อัพเดทกองทุน KWI USBANK-A

10 มีนาคม 2566

เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นธนาคารในสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ?

Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารที่เน้นการปล่อยกู้บริษัทตั้งใหม่ (Startup) ในสหรัฐฯ ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรง โดยต้องตัดขายพอร์ตตราสารหนี้ที่ถือครองอยู่มูลค่ากว่า 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (7.35 แสนล้านบาท) ในราคาขาดทุน (Cut loss) เพื่อชดเชยผลขาดทุนจากพอร์ตการลงทุนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นเร็วและแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จำนวนผู้ฝากเงินกับธนาคารก็มีน้อยลงเรื่อยๆ หลังจากที่นักลงทุนให้ความสนใจที่จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market fund) มากกว่า

จากปัญหาสภาพคล่องดังกล่าว ธนาคาร SVB จึงต้องประกาศเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนมูลค่ากว่า 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 61,250 ล้านบาท เพื่อกอบกู้สถานะทางการเงินของธนาคาร นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังรับข่าวร้ายเกี่ยวกับการประกาศปิดตัวของ Silvergate Bank กลุ่มการเงินที่ซื้อทรัพย์สินจาก Diem Association (หรือเงิน Libra ของ Meta/Facebook) ไปก่อนหน้านี้ ทำให้ตลาดยิ่งมีความกังวลต่อปัญหาสภาพคล่องของธนาคารต่างๆ ในสหรัฐฯ

ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้หุ้นธนาคารสหรัฐฯ ปรับตัวลงอย่างถ้วนหน้า อาทิ SVB Financial -60.4%, Bank of America -6.20%, Wells Fargo -6.18%, JP Morgan Chase -5.41%, Citibank -4.10% และ Goldman Sachs -2.06% และความกังวลดังกล่าวอาจยังไม่สิ้นสุด โดยล่าสุด CEO ของธนาคาร SVB ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ามีความกังวลอย่างยิ่งต่อภาวะ Bank run จากข่าวต่างๆ ที่สื่อนำเสนอ จนนำไปสู่การแห่ระดมถอนเงินออกจากธนาคาร SVB

ผลกระทบและมุมมองต่อกองทุน KWI USBANK-A

เนื่องจากกองทุน KWI USBANK-A ลงทุนในกองทุนหลัก (Master fund) คือ Manulife U.S. Bank Equity Segregated Portfolio ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินในสหรัฐฯ จึงย่อมได้รับผลกระทบจากการปรับลงของราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร และสถาบันการเงินในสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ดี บลจ. เคดับบลิวไอ มองว่าผลกระทบดังกล่าวค่อนข้างจำกัด แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อให้ตลาดรับรู้ข่าว และหุ้นกลุ่มธนาคาร และสถาบันการเงินหยุดปรับตัวลดลงก่อนเข้าสู่ภาวะปกติ โดยมีมุมมองสนับสนุน ดังนี้

1) กรณีธนาคาร SVB น่าจะเป็นปัญหาเฉพาะกิจการ ซึ่งเกิดจากกลยุทธ์การบริหารงานที่อาจผิดพลาด โดยเฉพาะการรับฝากเงิน (Deposits) เป็นส่วนใหญ่ เพื่อนำไปลงทุนในตราสารหนี้มากเกินไป และมีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ (Duration) สูงเกินไป ทำให้เมื่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น พอร์ตการลงทุนจึงประสบกับผลขาดทุนรุนแรง ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หรือกลุ่มธนาคาร อันจะกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้

2) นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ธนาคารต่างๆ ของสหรัฐฯ ในภาพรวม ถือว่ามีระดับเงินทุนสำรอง และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มีการทดสอบระดับความเสี่ยงวิกฤต (Stress test) ทุกปี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบปัญหา ดังนั้น เหตุดังกล่าวจึงไม่น่ากระทบในวงกว้าง

3) ธนาคาร SVB นั้น มีมูลค่าทรัพย์สินรวม (Total asset) ราว 212 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดเล็กมากหรือเพียง 0.9% เมื่อเทียบกับทรัพย์สินรวม (Total asset) ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ ที่สูงถึงกว่า 23.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 2/2565) นอกจากนี้ ธนาคาร SVB เน้นการรับฝากเงิน เพื่อลงทุนต่อ หรือปล่อยกู้ (Traditional banking) เป็นหลัก จึงทำให้ความเกี่ยวเนื่องและเกี่ยวพันกับธนาคารแห่งอื่นๆ มีค่อนข้างน้อย

สำหรับพอร์ตการลงทุนของ Manulife U.S. Bank Equity Segregated Portfolio ซึ่งเป็นกองทุนปลายทาง (Master fund) ของกองทุน KWI USBANK-A นั้น ไม่ได้มีการลงทุนในหุ้น SVB แต่อย่างใด แม้ว่าพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่จะเน้น Regional Banks หรือธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีสาขากระจายทั่วภูมิภาคซึ่งอาจเป็นกลุ่ม (Segment) ที่มีความกังวลเช่นเดียวกันกับ SVB แต่เนื่องจากกองทุนปลายทาง (Manulife U.S. Bank Equity Segregated Portfolio) มีการกระจายการลงทุนที่สูงมาก (Well diversified) โดยหุ้นที่มีน้ำหนักการลงทุน (Weight) มากที่สุดในกองทุนนั้นมีน้ำหนักเพียง 3.01% เท่านั้น ขณะที่กองทุนมีการกระจายการลงทุนในหุ้นถึงกว่า 107 ตัวด้วยกัน

โดยสรุป บลจ. เคดับบลิวไอ มองว่าการปรับลดลงของหุ้นธนาคารต่างๆ ในสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นเพียงปัจจัยเฉพาะกิจการชั่วคราว และไม่น่าจะลุกลามใหญ่โตจนเกิดผลกระทบในวงกว้างเช่นเดียวกับสมัยวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ธนาคาร Lehman brothers ล้มละลาย ขณะที่ผู้จัดการกองทุนปลายทางจาก Manulife Investment Management ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ จากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงเติบโตได้ดีอยู่ ความต้องการเงินกู้ (Loan demand) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin: NIM) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกัน

ดังนั้น ในระหว่างสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้า ที่หุ้นกลุ่มธนาคาร และสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะทยอยสะสมกองทุน KWI USBANK-A ในระดับราคาที่เหมาะสม และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ยังคงซื้อขายในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ดาวน์โหลดไฟล์

Back
* โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนสูงกว่าหรือต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

สนใจลงทุน

กรุณากรอกข้อมูลของท่านและกองทุนที่ท่านสนใจ เราจะรีบติดต่อกลับท่านโดยเร็ว